หากพูดถึงการพ่นสีให้ได้ประสิทธิภาพ และความสวยงาม ทำงานได้อย่างรวดเร็ว คงหนีไม่พ้นการใช้งานกาพ่นสีแรงดันสูง ซึ่งเป็นเครื่องมือช่างเหมาะสำหรับตกแต่งชิ้นงาน ซึ่งบทความนี้เราจะพาไปเปรียบเทียบดูระหว่างการใช้งานกาพ่นสีแรงดันสูงแบบ Gravity  กับกาพ่นสีแบบ  Pressure feed  มีความแตกต่างกันอย่างไร แบบไหนควรนำไปใช้งานที่มีความเป็นมืออาชีพสูงขึ้น เราไปหาคำตอบกัน

ความแตกต่างระหว่างกาพ่นสีแรงดันสูงแบบ Gravity VS  กาพ่นสีแบบ Pressure Feed มีอะไรบ้าง กาพ่นสีแรงดันสูงแบบ Gravity

กาพ่นสีแรงดันสูงแบบ Gravity (Gravity Feed Type) เป็นกาพ่นสีแบบใช้แรงโน้มถ่วงของโลกหรือกาพ่นสีแบบไหลลง กาพ่นสีแรงดันสูงชนิดนี้มีการไหลของสีไหลลงมายังหัวพ่นสีโดยอาศัยแรงโน้มถ่วง เป็นที่นิยมนำไปใช้งานสีที่มีความหนืดสูง เช่น การพ่นสีรองพื้น การพ่นสีโป๊ะเรือ การพ่นสีตู้ลำโพง และการพ่นอุดรอยรั่วซึมของตัวบ้าน เป็นต้น 

กาพ่นสีแรงดันสูงแบบ Gravity  ดีอย่างไร

กาพ่นสีชนิดนี้มีการออกแบบโดยอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลกหรือลักษณะของสีจะไหลลงเข้าสู่หัวพ่นสี ทำให้เนื้อสีทั้งหมดถูกใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่มีสีตกค้าง ทำให้ประหยัดสีในการใช้งานได้เป็นอย่างดี การปรับใช้งานปืนพ่นสีสามารถทำได้ง่ายไม่มีความซับซ้อนอะไร สามารถใช้งานได้ทุกคน

การพ่นเสียแรงดันสูงแบบ Gravity  มีข้อด้อยอะไรบ้าง กาพ่นสีแรงดันสูงชนิดนี้ มีถังบรรจุสีขนาดเล็ก ทำให้สีหมดไว ผู้ใช้งานต้องหยุดเพื่อเติมสีบ่อยครั้ง กาพ่นสีแรงดันสูงชนิดนี้มีหัวพ่นสีขนาดใหญ่ทำให้สิ้นเปลืองแรงลมอัด กาพ่นสีแบบ Pressure Feed หรือ กาพ่นสีล่าง (Suction Feed Type)

กาพ่นสีแรงดันสูงชนิดนี้ได้รับการออกแบบโดยใช้แรงลมอัดช่วยในการขับเคลื่อนของเหลวไปยังหัวฉีดหรือหัวพ่นสี เป็นที่นิยมนำไปใช้งานในการพ่นสีแบบ Trans-tech และการพ่นสีแบบ ปริมาณลมสูงความดันต่ำ (High Volume Low Pressure: HVLP) นั่นเอง

กาพ่นสีแบบ Pressure Feed ดีอย่างไร

การพ่นสีชนิดนี้เหมาะสำหรับการพ่นสีในงานอุตสาหกรรมทุกชนิด โดยใช้แรงดันลมอยู่ที่ 2.5 ถึง 4 บาร์ สามารถปรับความละเอียดของเนื้อสีและเป็นอย่างดี ทำให้พ่นสีได้อย่างรวดเร็ว เนื้อสีติดง่าย และประหยัดสีได้ดีอีกด้วย

กาพ่นสีแบบ Pressure Feed มีข้อด้อยอะไรบ้าง ต้องใช้ลมอัดในการพ่นสี หากไม่ดูแลรักษาให้ดีจะทำให้สีอุดตันหัวพ่นสีได้ง่าย

สำหรับกาพ่นสีแรงดันสูงทั้ง 2  แบบนี้ มีข้อดีและข้อด้อยแตกต่างกันสามารถนำไปใช้งานขึ้นอยู่ตามความเหมาะสมหากต้องการใช้งานทั่วไป สามารถเลือกใช้กาพ่นสีแรงดันสูงแบบ Gravity ส่วนต้องการนำไปใช้งานที่มีความละเอียดสูงพ่นสีได้อย่างมีประสิทธิภาพควรเลือกใช้กาพ่นสีแรงดันสูงแบบ  Pressure feed นั่นเอง

The post กาพ่นสีแรงดันสูงแบบ Gravity VS  กาพ่นสีแบบ Pressure Feed มีความแตกต่างกันอย่างไร  appeared first on GMP News.

ชีวิตที่มีแผนสำรองรองรับย่อมทำให้รู้สึกสบายใจได้มากกว่า เมื่อเทียบกับชีวิตที่ไม่มีแผนสำรองเพื่อรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝันเลย อย่างเช่นการซื้อประกันสุขภาพเพื่อความอุ่นใจว่า อย่างน้อยหากเจ็บป่วยก็จะไม่เป็นภาระของคนในครอบครัว แต่หลายคนมักจะเริ่มสนใจการซื้อประกันเมื่ออายุเข้าสู่วัยกลางคน หรือรอให้ตัวเองมั่นใจเสียก่อนว่ามีฐานะทางการเงินที่มั่นคงมากพอ ทำให้พลาดโอกาสในการรับสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า เพราะยังไม่รู้มาก่อนว่า การทำประกันตั้งแต่อายุยังน้อยดีกว่าการทำเมื่ออายุมากขึ้น

อายุเท่าไรจึงซื้อประกันสุขภาพได้

คำตอบคือ สามารถทำได้ตั้งแต่แรกเกิดเลยทีเดียว แต่เป็นการทำประกันโดยผู้ปกครองเป็นผู้เซ็นกรมธรรม์และส่งเบี้ยประกันแทนเด็กเล็ก จนกระทั่งถึงวัยรุ่น หากอายุยังอยู่ในเกณฑ์ผู้เยาว์คือไม่เกิน 20 ปี ตามกฎหมายแล้วยังไม่สามารถทำประกันสุขภาพด้วยตนเองได้ แม้สามารถจ่ายเบี้ยประกันได้เองก็ตาม ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองเสียก่อน แต่หากบรรลุนิติภาวะ คือมีอายุตั้งแต่ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป จะสามารถทำประกันด้วยตนเองได้

ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรเริ่มทำประกันตั้งแต่ปีแรกที่หารายได้ด้วยตัวเองได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช่วงอายุ 23-30 ปี คือช่วงที่กำลังเข้าสู่วัยทำงานและยังไม่มีภาระในชีวิตมากนั่นเอง

4 ข้อดีเมื่อทำประกันสุขภาพตั้งแต่อายุน้อย 

ประกันสุขภาพส่วนใหญ่มีเกณฑ์ด้านสุขภาพกำหนดไว้ คือ ต้องไม่ตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรงมาก่อน หรือรู้ตัวว่าเป็นโรคเรื้อรังมาตั้งแต่เกิด เมื่ออายุยังน้อยมักมีความเสี่ยงต่ำ จะได้รับการพิจารณาให้ผ่านเกณฑ์ประกันได้ง่ายกว่าช่วงวัยอื่น ๆ ที่เริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้นแล้ว หรือหากทำงานในองค์กรที่มีสวัสดิการรองรับ ก็จะทำให้เกณฑ์การเลือกประกันมาเสริมในจุดที่สวัสดิการยังไม่มีทำได้ง่ายขึ้น และข้อดีอื่น ๆ ของการทำประกันตั้งแต่อายุยังน้อยมีดังนี้

1. ค่าเบี้ยประกันถูกกว่า

ประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองสูงจะมีเบี้ยประกันสูงตามอายุไปด้วย แล้วแต่เงื่อนไขของประกันประเภทนั้น ๆ แต่ในวัยที่อายุยังน้อย เบี้ยประกันจะไม่สูงมากนัก เพราะส่วนใหญ่สุขภาพยังแข็งแรงดี ไม่เสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บ หากต้องการแผนที่ให้ความคุ้มครองในระยะยาว ค่าเบี้ยประกันก็จะยิ่งถูกลงเมื่อทำตั้งแต่อายุยังน้อย

2. ได้รับคุ้มครองโรคเรื้อรัง

คนที่ยังอายุไม่มาก มักมีโอกาสเป็นโรคเรื้อรังน้อย การซื้อประกันสุขภาพเร็วจึงจะช่วยให้ได้รับความคุ้มครองโรคเรื้อรังค่อนข้างแน่นอน และโรคเรื้อรังบางโรคอาจไม่ได้รับประกันเมื่ออายุมากขึ้น เพราะมีความเสี่ยงต่อโรคมากขึ้น

3. มีตัวเลือกจากแผนประกันที่หลากหลายมากกว่า

เมื่ออายุน้อยและมีปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพน้อย จะเข้าเกณฑ์ของแผนประกันสุขภาพได้หลายรูปแบบ สามารถเลือกได้ทั้งระยะเวลาที่ต้องการ รายละเอียดความคุ้มครอง วงเงินความคุ้มครอง จำนวนเบี้ยที่สอดคล้องกับรายได้ เป็นต้น

4. เบี้ยประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีได้

เบี้ยประกันสุขภาพสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาท การซื้อประกันสุขภาพเร็วจึงช่วยให้ได้รับประโยชน์ทางภาษีได้มากและนานขึ้น

ประกันสุขภาพยิ่งเริ่มเร็วเท่าไรยิ่งดี เพราะช่วยให้ผู้ทำประกันมีแต้มต่อด้านความมั่นคงของชีวิตและการเงิน จากการวางแผนเพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต ร่วมกับแผนการออมและการลงทุนที่จะช่วยต่อยอดให้มีสินทรัพย์สร้างความมั่งคั่งให้มากขึ้น ทุกคนจึงควรเลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับตนเองเพื่ออนาคตด้านสุขภาพและการเงินที่ดีตั้งแต่ตอนนี้

The post ข้อดีของการซื้อประกันสุขภาพเร็ว เริ่มก่อนคุ้มครองมากกว่า appeared first on GMP News.

ในปัจจุบันนี้เรื่องของโรคมือเท้าปากนั้นก็เป็นเรื่องที่เราเองก็ควรที่จะต้องให้ความสนใจกันอย่างมากมายด้วยจึงจะยิ่งดีเพราะว่าในเรื่องของโรคนี้นั้นส่วนมากก็จะมากับหน้าฝนเพราะการที่จะเกิดโรคนี้ได้นั้นจะต้องมากับอากาศ สิ่งของที่เราไปจับมาแล้วไม่ได้ทำการล้างมือด้วย

ซึ่งต้องบอกเลยว่าส่วนมากโรคนี้จะเป็นในเด็กดังนั้นเราจึงควรที่จะต้องดูแลในเรื่องของความสะอาดให้มากๆด้วยเพราะยิ่งเราได้ดูแลในเรื่องของความสะอาดได้มากเท่าไหร่ก็จะทำให้เราไม่เกิดในเรื่องของโรคมือเท้าปากได้อีกด้วยและในโรคนี้นั้นก็จะมีแผลในปาก ผื่นเม็ดขึ้นตามตัว ฝ่าเท้าซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะเด็กจะทรมานมากเพราะเจ็บปาก กินข้าวไม่ค่อยลงด้วยซึ่งเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เราเองก็ควรที่จะต้องให้ความสนใจกันอย่างมากมายด้วยจึงจะยิ่งดีและหากเรารู้จักที่จะให้ความสนใจกับเรื่องของโรคมือเท้าปากแล้วเราก็จะไม่ต้องเหนื่อยเพิ่มนั้นเอง

อาการของโรคมือเท้าปากนั้นจะเป็นอยู่สองถึงสามวัน โดยจะมีไข้สูง38-39องศาเซลเซียสเป็นอาการนำก่อนจึงมีอาการอื่นๆตามมาอาจจะเจ็บคอ ไอ มีแผลร้อนในในปาก มีการอักเสบที่จะทำให้เรานั้นยิ่งเกิดความอึดอัดได้อย่างยิ่งด้วยและนอกจากนี้ยังมีการอักเสบตามบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้าด้วยซึ่งโรคนี้ถ้าหากเป็นในรายที่เด็กเป็นหนักนั้นก็จะได้แก่เยื่อหุ้มสมองอักเสบ อัมพาตกล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียกซึ่งถ้าหากเด็กมีอาการซึมแล้วนั้น พูดจาไม่รู้เรื่องต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันทีดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เราเองก็จะต้องอย่าละเลยหรือมองข้ามไปเลยจะได้ไม่เกิดอันตรายขึ้นนั้นเอง

โรคนี้สามารถที่จะเป็นซ้ำได้ดังนั้นเราจึงควรที่จะต้องให้ความสนใจมากๆด้วยก็จะดีอย่างที่สุดเพราะฉะนั้นในเรื่องของอาการมือเท้าปากนั้นเราก็ควรที่จะต้องระวังในเด็กมากๆ ต้องล้างมือก่อนทานอาหารด้วย ล้างมือทุกครั้งหลังเล่นอะไรที่สกปรกและไม่หยิบของเข้าปากหากของนั้นสกปรกด้วย

เราจึงควรที่จะต้องให้ความสนใจและให้ความสำคัญมากๆด้วยก็จะยิ่งดีเพราะถ้าหากเราได้รู้จักที่จะให้ความสนใจตรงส่วนนี้แล้วก็จะทำให้เราไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องของโรคมือเท้าปากอีกด้วย เรื่องนี้จึงจัดว่าเป็นเรื่องที่เราเองก็จะต้องอย่ามองข้ามผ่านไปเลยจึงจะยิ่งดีอย่างมากมายที่สุดดังนั้นเราจึงควรที่จะต้องให้เด็กได้ทานอะไรที่สะอาดจะยิ่งดีอย่างมากที่สุดเลย

The post โรคมือเท้าปากมีอาการอย่างไร appeared first on GMP News.