![](https://landing.gxpnews.net/wp-content/uploads/2020/07/rafarma-logo-eng.png)
![](https://landing.gxpnews.net/wp-content/uploads/2020/07/logo-03-1.png)
Rafarma –
a full cycle pharmaceutical enterprise
Rafarma JSC is a full cycle pharmaceutical enterprise designed and operating in accordance with GMP standards. Rafarma is a part of the manufacturing segment of the PROTEK Group of Companies, engaged in R&D, manufacturing, distribution and retails.
![](https://landing.gxpnews.net/wp-content/uploads/2021/04/6.jpeg)
- 25,000 sq m of manufacturing facilities in Terbuny, Lipetsk Region, Russia
- 5 self-contained sites for the full cycle manufacture of cephalosporin antibiotics, non-beta lactam antibiotics, cytostatic agents and formulations of other therapeutic classes
- R&D: research, development and testing laboratory, in-house experimental base at cleanroom
- Manufacture of preparations in 15 dosage forms
- Equipment supplied by the world’s leading manufacturers: Bosch, GLATT, Kilian, Romaco Macofar, IMA, CAM, Fedegari, and Tofflon among others.
- 24 hectares are available for construction of additional manufacturing facilities
![](https://landing.gxpnews.net/wp-content/uploads/2021/04/rafarma-features.jpeg)
- Availability of production facilities for contract manufacturing and area for additional construction
- Local production and technology transfer experience
- Attractive price-offer
- Integrated business approach: production, distribution and promotion of medicines
- Guaranteed sales volumes
- Minimized ROI risks
![](https://landing.gxpnews.net/wp-content/uploads/2021/04/rafarma-proizvodstvo-scheme.jpeg)
- R&D: research, development and testing laboratory, in-house experimental base
- Manufacturing of solid forms: pills, hard gelatin capsules, sachets, tubes
- cephalosporins
- injections in vials, suspension vials
- antineoplastics
- injections in vials, tablets and capsules
- antibiotics
- non-β-lactam injections in vials tablets and capsules
- antineoplastics
- injections in vials
- 180 million hard gelatin capsules
- 1.5 billion pills
- 62.5 million injection vials
- 7.5 million suspension vials
- 18 million sachets
News from rafarma
Intracytoplasmic Sperm Injection หรือ ICSI คือเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ใช้ในการช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ของผู้ที่มีปัญหาทางการสืบพันธุ์โดยเฉพาะ เทคโนโลยีนี้มีความเหมาะสมกับกลุ่มผู้ที่มีปัญหาต่างๆ ดังนี้:
1. ปัญหาสมรรถภาพของเส้นพันธุ์ชาย
ICSI เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมรรถภาพของเส้นพันธุ์ชาย ซึ่งอาจมีปัญหาเช่น:– จำนวนเส้นอสุจิ: ผู้ชายที่มีจำนวนเส้นอสุจิต่ำกว่าปกติหรือเส้นพันธุ์ชายที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ในจำนวนที่เพียงพอ
– คุณภาพของเส้นพันธุ์ชาย: เส้นพันธุ์ชายที่มีความผิดปกติในการโคจร หรือมีโรคที่ส่งผลกระทบต่อการผสมเอ็มเอทได้
ICSI คือตัวช่วยให้เกิดโอกาสในการผสมเอ็มเอทได้มากขึ้น โดยที่เทคนิคนี้จะใช้เส้นพันธุ์ชายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการผสมเอ็มเอทแต่ละเม็ด2. ปัญหาท่อไข่หรือการผสมเอ็มเอท
ICSI เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาที่ท่อไข่หรือการผสมเอ็มเอท ที่มีลักษณะเช่น:– ปัญหาที่ท่อไข่: ผู้หญิงที่มีท่อไข่ที่เสื่อมสภาพหรือถูกทำลาย
– ความผิดปกติในการผสมเอ็มเอท: การผสมเอ็มเอทที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ไม่มีการกระตุ้นที่มีประสิทธิภาพหรือปัญหาการโคจรของเอ็มเอท
ICSI คือตัวช่วยให้เกิดการผสมเอ็มเอทได้ในสภาพที่ยากลำบากหรือมีปัญหาต่างๆ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการอื่น3. ปัญหาการผสมเอ็มเอทในกรณีที่ไม่สามารถหาสาเหตุได้
สำหรับบางกลุ่มผู้ที่มีปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่ทราบสาเหตุ หรือมีปัญหาที่ซับซ้อนที่ไม่สามารถหาสาเหตุได้ การใช้เทคโนโลยี ICSI สามารถเป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยให้เกิดการตั้งครรภ์ได้
การพิจารณาเลือกใช้ ICSIควรพิจารณาอย่างรอบคอบโดยคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งควรพิจารณาดังนี้:
– การวินิจฉัยเบื้องต้น: การทำการตรวจรักษาเพื่อหาสาเหตุของปัญหาการตั้งครรภ์ที่ชัดเจน
– ความเหมาะสมของผู้ป่วย: การพิจารณาสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วยและประวัติการรักษา
– ความเสี่ยงและผลข้างเคียง: การพิจารณาความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยี ICSI
ในสรุป ICSI คือเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาการตั้งครรภ์ที่ซับซ้อนหรือไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการอื่น มีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากขึ้นโดยเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมรรถภาพของเส้นพันธุ์ชาย หรือปัญหาการผสมเอ็มเอท
The post เพิ่มโอกาสมีลูกด้วย ICSI: เข้าใจกลไกและประสิทธิภาพ appeared first on GMP News.
การดูแลผู้ป่วยติดเตียงเป็นงานที่ท้าทายทั้งทางร่างกายและจิตใจ บทความนี้จะมุ่งเน้นไปที่สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย
สภาพแวดล้อมทางกายภาพเตียงนอน: ควรเลือกเตียงที่มีขนาดเหมาะสมกับผู้ป่วย สามารถปรับระดับได้ และมีรั้วกั้นเพื่อป้องกันการตกเตียง
เบาะรองนอน: ควรใช้เบาะรองนอนที่นุ่มและกระชับ เพื่อช่วยป้องกันแผลกดทับ
เก้าอี้ปรับเอนได้: เก้าอี้ปรับเอนได้สามารถช่วยให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่สบาย และช่วยป้องกันการเกร็งของกล้ามเนื้อ
อุปกรณ์ช่วยเดิน: อุปกรณ์ช่วยเดิน เช่น ไม้เท้าหรือวอล์กเกอร์ สามารถช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้มากขึ้น
ห้องน้ำ: ห้องน้ำควรมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหวของผู้ป่วย และมีอุปกรณ์ช่วยเหลือ เช่น ราวจับ และเก้าอี้รองอาบน้ำ
สภาพแวดล้อมทางจิตใจสำรหรับการดูแลผู้ป่วยติดเตียง
แสงสว่าง: ห้องควรมีแสงสว่างเพียงพอ แต่ไม่ควรจ้าเกินไป
อากาศถ่ายเท: อากาศในห้องควรถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
เสียงรบกวน: ควรลดเสียงรบกวนให้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกเครียด
สิ่งกระตุ้น: ควรมีสิ่งกระตุ้นให้ผู้ป่วยได้ใช้สมองและร่างกาย เช่น ทีวี วิทยุ หรือหนังสือ
การสื่อสาร: ควรสื่อสารกับผู้ป่วยอย่างชัดเจน และให้โอกาสผู้ป่วยได้แสดงความคิดเห็น
การส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีแนวทางดังนี้:
1. การส่งเสริมสุขภาพร่างกาย การออกกำลังกาย: จัดกิจกรรมออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้ป่วย เช่น การเดินเบา ๆ การยืดกล้ามเนื้อ หรือการออกกำลังกายที่ไม่ใช้แรงมาก โภชนาการที่ดี: จัดหาอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย คำนึงถึงสารอาหารที่จำเป็น เช่น โปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ รวมถึงการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ การพักผ่อน: จัดเวลาพักผ่อนที่เพียงพอและมีคุณภาพ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูและสร้างพลังงานใหม่ การติดตามสุขภาพ: ตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อตรวจหาความผิดปกติและรักษาในเวลาที่เหมาะสม การรักษาความสะอาด: ดูแลความสะอาดของร่างกายและสิ่งแวดล้อมเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ 2. การส่งเสริมสุขภาพจิตใจ การสนับสนุนทางอารมณ์: ให้การสนับสนุนทางอารมณ์และการให้กำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนฝูง เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่โดดเดี่ยว การทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย: จัดกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจ เช่น การทำงานศิลปะ การฟังเพลง หรือการอ่านหนังสือ การให้คำปรึกษา: หากผู้ป่วยมีความเครียดหรือปัญหาทางจิตใจ ควรมีการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยาหรือนักบำบัด การสร้างสังคมที่มีคุณค่า: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคม เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและมีคุณค่าในตัวเอง การฝึกทักษะการผ่อนคลาย: แนะนำวิธีการผ่อนคลายจิตใจ เช่น การหายใจลึก ๆ การนั่งสมาธิ หรือการฝึกโยคะการส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจของการดูแลผู้ป่วยติดเตียงจะช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่มีคุณภาพและมีความสุขมากขึ้น ทำให้การฟื้นฟูและการรักษาเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
The post การดูแลผู้ป่วยติดเตียงสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม appeared first on GMP News.